หนึ่งวันกว่าผ่านไป แซมและทีเรียนเดินมาใกล้ต้นน้ำบนเขาแล้ว ทั้งคู่เห็นสิ่งก่อสร้างอยู่ไม่ไกล ทั้งคู่จึงรีบเดินไปยังจุดนั้นทันที หลังออกจากป่าแล้ว แต่เสียงร้องของสัตว์ยังคงก้องอยู่เหมือนเคย พวกเขาเห็นทุ่งที่ราบที่เหมือนกับว่าต้นไม้ถูกตัดออกไป บริเวณโดยรอบพบและรั้วไม้สูงและประตูที่เปิดออก เมื่อทั้งสองเข้าไปข้างใน เป็นค่ายขนาดใหญ่ มีกระท่อมไม้หลายหลัง ใหญ่กว่าค่ายของทีเรียนหลายเท่า ที่น่าแปลกกว่าก็คือ ในค่ายไม่มีใครอยู่เลย กระท่อมของถูกวางเป็นระเบียบ ของใช้เต็มชั้นวางในโรงอาหาร คลังกระสุนถูกเปิด และลังกระสุนถูกใช้ไปบางส่วน แต่ไม่มีหลักฐานการใช้อาวุธในค่ายเลย
"พวกเขาหายไปไหนหมด พวกทหารอาณานิคมบุกที่นี่หรือไง?" แซมถามทีเรียน
"ทหารอาณานิคมน่ะป่าเถื่อนกว่านี้ พวกมันจะเผาทุกอย่างให้ราบ ที่นี่ดูเรียบร้อยเกินไป" ทีเรียนตั้งข้อสังเกต
"หรือถ้าคนในบาบิลอนอพยพล่ะ เป็นไปได้มั้ย" แซมตั้งสมมติฐานใหม่
"ถ้าจริง พวกเขาคงจะรีบมากๆ อาวุธเปิดใช้ไม่กี่กล่อง ไม่มีร่องรอยการขนย้ายของอย่างอื่น น่าแปลกแฮะ" ทีเรียนฉงนใจกับสภาพที่เกิดขึ้น
ทั้งสองเดินเข้าไปกระท่อมใหญ่ที่มีเสาวิทยุตั้งตระหง่าน แต่อย่างไรก็ตาม ความสูงของต้นไม้ป่าทำให้เสาวิทยุสูงนับสิบๆเมตรโผล่พ้นจากพวกมันที่ชายป่ายที่ห่างไปได้ไม่เท่าไหร่ เมื่อเข้าไปภายในกระท่อมแล้ว พบว่ากรท่อมยังคงถูกทิ้งร้าง สื่งของถูกวางอย่างมีระเบียบ ทั้งแผนที่ เอกสาร และอุปกรณ์จิปาถะอื่นๆ พวกเขาเปิดประตูอีกห้องภายใน โดยในห้องนี้เป็นห้องเล็กๆพบอุปกรณ์สื่อสารจำพวกวิทยุอยู่ตั้งเบียดเสียดกับเครื่องเทเลครอน มีเก้าอี้ว่างถูกพาดด้วยเสื้อแจ๊กเก๊ตปอนๆ แซมพิจารณาปุ่มทั้งหลายบนอุปกรณ์เหล่านี้ เขาพบกับปุ่มๆนึงที่ มีกระดาษโน้ตน้อยเขียนด้วยลายมือตวัดๆเอาไว้ว่า "ใช้เมื่อฉุกเฉิน รหัส 'เอกส์โซดัส' " แซมฉงนใจจึงตะโกนถามทีเรียนที่กำลังกระดกวิสกี้ในห้องหลัก
"เฮ้ นายพอจะคุ้นกับรหัส 'เอกส์โซดัส' มั้ย" ทันใดนั้นทีเรียนก็สำลักวิสกี้ก่อนจะตอบ
"ก็เคยได้ยินนะ ตอนวันสองวันหลังถูกกักตัวสอบสวนในค่าย ชั้นได้ยินพวกเขาพูดกันเรื่องเอกส์โซดัส จากนั้นชั้นก็ถูกหิ้วเดินทางไกลในป่าพร้อมพวกนั้นไปยังค่ายที่อยู่ล่าสุดพร้อมผ้าปิดตาตลอดทาง นายจะเอาวิสกี้มั้ย?" ทีเรียนเสนอเหล้าให้แซม
หลังจากที่ได้ยินเรื่องเล่าจากทีเรียน แซมคิดได้ว่าอาจเป็นรหัสอพยพฉุกเฉินสำหรับค่ายย่อย โดยอาจสลับค่ายวนไปตามที่พวกเขาสร้างค่ายในป่าเอาไว้ ดังนั้นแซมจึงกดปุ่มฉุกเฉิน แล้วคว้าไมค์โครโฟนที่เรืองแสงสีแดง พร้อมกับกล่าว
"คุณอาจจะไม่เชื่อผม ผมคือไซมอน แกรนซ์ ถึงทุกคนที่ได้ยินข้อความนี้ บาบิลอนแตกแล้ว เอกส์โซดัสโดยด่วน ขอย้ำ เอกส์โซดัสโดยด่วน"
"พระเจ้าช่วย นายคือไซมอน แกรนซ์ อดีตผู้นำจริงด้วย ข่าวลือว่านายรอดไปได้ก็จริงซินะ" ทีเรียนตกใจจากคำพูดของแซม
"บ้าน่า ชั้นแค่อ้างชื่อคนๆที่จะให้น้ำหนักกับคำพูดต่างหากเล่า" แซมพยายามปฏิเสธ
"นายโกหกชั้นไม่ได้ ชั้นรู้แต่แว้บแรกแล้ว แต่ไม่นึกว่านายจะเละขนาดนี้"
ทั้งสองต่างพูดในประเด็นนี้อยู่พักใหญ่ จนกระทั่ง
"ชู่วๆๆๆ นายได้ยินอะไรมั้ย" แซมตัดจบการสนทนาที่ไม่มีทีท่าจะจบ
"ก็ไม่นิ มีอะไรหรือ" ทีเรียนยังไม่สังเกตุความผิดปกติ
ความเงียบงันในค่ายที่มีแต่เสียงสายธารจากธรรมชาติล่องลอยในหูของชายทั้งสอง เสียงสัตว์ที่ได้ยินก่อนหน้าหายไปแล้ว
"ที่นี่เงียบเกินไป มันไม่ชอบมาพากลแล้ว" แซมเริ่มระแวงกับธรรมชาติรอบตัว
"เห็นด้วย ชั้นว่าเรารีบขนของที่ต้องใช้ แล้วเดินทางไปยังที่มีคนอาศัยอยู่ดีกว่า" ทีเรียนสำทับ
ค่ายที่ตั้งบนป่าลึก มีแม่น้ำเป็นปราการธรรมชาติอยู่ด้านตะวันตกของค่าย มีแนวเขาสูงเป็นปราการอีกด้านทางตอนเหนือ การวางตำแหน่งป้อมค่ายเวรยามจุดป้องกันและกระสอบทรายกับรั้วลวดหนามวางเรียงรายรอบแนวรั้ว เป็นปราการในการตั้งรับอย่างดียิ่ง ไฉนเล่ากลับร้างซึ่งผู้คนแบบที่สามารถเสกให้หายในพริบตาเดียวได้ โดยไร้การปะทะหรือการทำร้ายใดๆ ปริศนานี้ยังไม่น่ากลัวเท่ากับว่าเสียงหมู่สัตว์ในพงไพรต่างพร้อมใจกันเงียบ ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังทำให้พวกสัตว์นั้นไม่กล้าที่จะส่งเสียงรบกวนให้ตนเองตกเป็นเป้าหมายไปโดยปริยาย
ทั้งสองแยกทางไปกวาดเอาสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ แซมไปโรงอาหาร เก็บเสบียงเท่าที่จะเอาไปได้
ทีเรียนไปยังกระท่อมอาศัยโดยมีเหล้าติดมือไป เขาเริ่มเก็บเป้และของใช้สนาม แล้วเดินไปยังคลังอาวุธ เขามองดูบรรดาปืนที่วางไว้ในชั้นวางเป็นระเบียบ เขาเปิดดูในตู้ แล้วหยิบปืนพก ไปพร้อมเข็มขัดสนาม กวาดกระสุนใส่กระเป๋ากระสุนในเข็มขัดสนาม แล้วหยิบไรเฟิลกระบอกหนึ่ง จากนั้นทีเรียนก็เดินออกไป พลางใส่กระสุนเข้ากับปืนอย่างติดๆขัดๆ ส่วนแซมออกจากโรงอาหาร เขาเดินมายังโซนที่พักอาศัย เขาไม่เห็นทีเรียน แซมตะโกนชื่อทีเรียน แซมตะโกนหาทีเรียนอยู่หลายครั้ง จนทันใดนั้นมีเสียงปืนดังเป็นชุดขึ้นมา
ปังปังปังปัง
แซมรีบวิ่งไปตามเสียงของปืนทันที เมื่อวิ่งใกล้เข้ากับโซนคลังอาวุธ แซมรู้สึกว่ามีอะไรแหลมๆทิ่มที่ตัวของเขา แซมสะดุดล้มลง สติเริ่มจางหาย แทนที่ไปด้วยความมืดที่ได้เข้ามาอย่างช้าๆ สิ่งสุดท้ายที่เขาได้ยินคือเสียงปืน เสียงลากร่างกายของเขา แล้วก็เสียงประหลาดที่เขาเองไม่ได้ยินมาก่อน แล้วจึงจมไปในห้วงความเงียบงัน
Comments (0)
See all