สามปีหลังการปฏิวัติ
พิพัฒน์เพิ่งได้เข้าทำงานในโรงงานผลิตอาวุธ หน้าที่ของเขาคือจดบันทึกวิถีกระสุนทุกชนิด และเก็บสถิติวิถีกระสุนเพื่อพัฒนาอาวุธให้กองทัพ การทำงานให้กองทัพเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เข้าใกล้กับเจมส์ที่กำลังจะเรียนจบโรงเรียนเตรียมทหาร เขาพบเจมส์ครั้งสุดท้ายเมื่อหกเดือนก่อน เจมส์ดูจะห่างเหินจากเขามาก คงเป็นเพราะการเรยนในนั้นที่หนักหน่วงละมั้ง แต่แค่เจมส์มาหาเขา พิพัฒน์ก็มีความสุขแล้ว
"เฮ้ แพท วันนี้บอสมีงานให้นาย พรุ่งนี้นักเรียนทหารจะมาทดสอบอาวุธพรุ่งนี้ ชั้นอยากให้นายเช็คสต๊อคปืนและกระสุนตามที่โน้ตเอาไว้นะ" หัวหน้าคุยงานพิพัฒน์
" ครับบอส เดี๋ยวผมจะจัดการให้" พิพัฒน์หรือ "แพท"ชื่อที่คนในโรงงานเรียก รับคำกับหัวหน้าเรื่องงาน
ในหัวของแพทคิดว่า ถ้าพรุ่งนี้มีนักเรียนทหารมา แล้วเจมส์จะมาด้วยหรือไม่ ความกังวลใจทำให้ตลอดทั้งวันที่เหลือแพทใจลอยกับคำถามโลกแตกเกี่ยวกับแฟนหนุ่มนานได้ขาดการติดต่อไป
วันต่อมา ความใจลอยเกือบทำให้แพทลืมที่จะเตรียมอาวุธที่จะทดลองไว้ให้ในสนามยิงปืนของโรงงาน แต่ทว่าเขาก็จัดวางเตรียมไว้ในเวลาฉิวเฉียด
"แพท นายเป็นไรหรือเปล่า หรือว่านายไม่สบาย" หัวหน้าแผนกถาม
"ไม่ครับบอส พอดีผมกังวลนิดหน่อย" แพทตอบ แต่ไม่ได้บอกไปว่ากังวลเรื่องอะไร
"เอาน่า ถ้าปืนมันเจ๊ง คนที่จะโดนไม่ใช่เรา แต่เป็นพวกฝ่ายออกแบบ เรามีหน้าที่แค่เก็บสถิติแค่นั้น ชิลๆไว้" บอสพยายามปลอบใจ แต่ผผิดประเด็น
แพทและหัวหน้าอยู่ในห้องประชุมใหญ่ ในห้องมีคนจากฝ่ายออกแบบและครูฝึกทหาร เมื่อประตูเปิดออก เหล่านักเรียนทหารเดินเรียงแถวออกมาป็นระเบียบ ทุกคนต่างนั่งที่ตามลำดับเรียงมาอย่างเป็นระบบ เหมือนกับว่าคุ้นชินการนั่งแบบนี้มานาน แพทพยายามชะเงื้อมอง เขาเห็นนักเรียนคนนึง หน้าตาคล้ายเจมส์ ในใจเขาเริ่มสั่นระรัว นักเรียนคนนั้นตั้งใจฟังการบรรยายจากครูฝึกและคนจากฝ่ายออกแบบอย่างสง่า เหมือนกับนักเรียนทหารทุกคน
เมื่อจบการบรรยาย ทั้งแพทและหัวหน้าเดินออกจากห้องเพื่อที่จะเตรียมสนามยิงปืนอีกรอบ เขาเหลือบมอง เจมส์อีกครั้ง แต่เจมส์ไม่ได้มองกลับหาเขาเลย
แพทมองดูการทดสอบอาวุธ เป็นปืนชนิดใหม่ เรียกกันเล่นๆว่าปืน Penergy ซึ่งเป็นปืนพลังงานที่มาจากพลาสมา อาวุธนี้ว่ากันว่ายังไม่สเถียร ยิงติดต่อนานๆกันไม่ได้ เมื่อนักเรียนทหารยิงปืนนี้ใส่เป้าทดสอบที่เป็นเจล ตัวเจลที่ทำเป็นหุ่นมนุษย์พุ่งกระเด็นลงไปข้างล่าง รอยไหม้สีดำปรากฏเห็นได้ชัด แล้วก็เป็นแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อเจมส์ได้มีโอกาสทดสอบ แพทที่มองจากกล้องสังเกตุการณ์มั่นใจว่านั่นคือเจมส์แน่นอน เมื่อลั่นไก ลำแสงพุ่งเฉียดจากเป้าหมาย สร้างความประหลาดใจให้ทุกคนอยู่ในบริเวณนั้น
เมื่อเสร็จสิ้นการทดสอบอาวุธ และนักเรียนเตรียบแยกย้าย แพทวิ่งมาหน้าตาตื่นไปยังแถวนักเรียนทหาร
"เจมส์ เจมส์ รอก่อน"
แพทวิ่งมาขนาบหานักเรียนทหาร
"เจมส์ เจมส์ เราดีใจที่เจอนาย นายมากแล้วที่เรา....." พิพัฒน์พูดด้วยอารมณ์ตื้นตัน
"นักเรียนทหาร มีอะไรหรือเปล่า" ครูฝึกตะโกนจากข้างหน้าแถว
"พลเรือนต้องการติดต่อผม ครับ" เจมส์ตอบเสียงดัง หนักแน่น
"นักเรียนทหาร แถวหยุด นักเรียนทหาร AGRD-41700 อนุมัติติดต่อพลเรือนได้" ครูฝึกตะโกนตอบ
"เจมส์ นายคล้ำเยอะเลยนะ" พิพัฒน์เริ่มการสนทนา
"ไปซะ คนวิปริต" เจมส์ตอบแบบเย็นชา
"หา อะไรนะ" พิพัฒน์งงกับคำตอบ
"คนรักร่วมเพศคือกาฝากของมนุษย์ เพราะพวกเขาไม่สืบพันธุ์เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ แต่ฉวยโอกาสหลอกล่อเผื่อความสุขส่วนตัว" เจมส์พูดด้วยการกัดฟัน น้ำตาทั้งคู่คลอเบ้าขึ้นมา พิพัฒน์ใจสลายกับสิ่งที่ได้ยิน คนที่สนิทที่สุด คนที่เขารักมากที่สุด แทงเขาด้วยความคิดบ้าๆที่โรงเรียนทหารเสี้ยมสอนเขาไปแล้ว
"ท่านผู้นำวางแผนให้มนุษยชาติอยู่รอด หน้าที่ของทหารคือปกป้องมนุษย์ชาติ การเป็นกาฝากถือเป็นสิ่งเสื่อมเสียแก่ชาติ เผ่าพันธุ์ และเปรโด คาสติลโญ ที่ผ่านมาคืออดีตที่ล่อลวง ปัจจุบันนี้ด้วยปัญญาของท่านผู้นำ มนุษยชาติต้องก้าวตามท่านไป"
เจมส์พูดพร้อมปาดน้ำตา แล้วเดินกลับแถว นักเรียนทหารเดินแถวตามปกติ ปล่อยให้พิพัฒน์น้ำตาตกตัวสั่นเทาด้วยอารมณ์ที่ถั่งโถม
"ไอ้สวะ กูอยู่กับมึงมานาน แค่ไม่กี่ปีมึงก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน กูไม่รู้จักมึงต่อไปแล้ว เชิญไปตายโหงตายห่ากับชาติและท่านผู้นำที่รักของมึงไปเลย ไหนว่ามึงจะออกจากดาวเฮงซวยด้วยกัน ไหนว่าจะตามไปด้วยกันไม่ว่าจะห่างแค่ไหน ไหนว่าความทรงจำของเรามีมากแค่ไหน ไหนว่าความทรงจำของเราเป็นอย่างไร มึงลืมหมดแล้วใช่มั้ย มึงขายตัวและวิญญาณเพื่อพวกนั้นหมดแล้วใช่มั้ย ตอบกูมาสิ ตอบกู"
และอารมณ์ที่ถั่งโถมให้ผลลัพธ์ที่สาหัสสำหรับจิตใจของคนเฝ้ารอความหวังมานาน แต่ถูกความฝันย้อนทำร้ายเสียเอง และเมื่อครูฝึกได้ยินคำสรรเสริญอันเสียงดังของแพทจึงสั่งให้นักเรียนทหารขึ้นรถไป แล้วเดินไปหาแพทด้วยตัวเอง
"ไอ้หนุ่ม ที่เธอพูดเมื่อกี้มันอันตรายมาก ชั้นจะเตือนเป็นครั้งแรกและสุดท้าย อย่าได้ล่อลวงนักเรียนของชั้นด้วยความวิปริตและความเห็นแก่ตัวของเธออีก และทั้งหมดที่ผ่านมา ถือว่าเป็นแค่ความฝันลมๆแล้งๆของเธอเอง ยังดีที่ชั้นเป็นคนที่ความจำสั้น เรื่องตรงนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น ถ้าคนอื่นได้ยินเข้า เธอจะลำบากเสียเอง ชั้นก็จะลำบากเสียเอง ไม่ใช่นักเรียนของชั้น"
จากนั้นครูฝึกก็เดินขึ้นรถไป
เจมส์ที่นั่งติดหน้าต่างรูดม่านหน้าต่างลง ก้มหน้าปล่อยน้ำตาให้ตกไปตามแรงโน้มถ่วง แล้วกลั้นเสียงเอาสุดแรงไว้ไม่ให้คนในรถได้ยินถึงความเจ็บปวดที่เขาถลำลงไป และรู้ว่าเขาไม่มีวันกลับไป เพื่อความปลอดภัยของพิพัฒนเอง
ส่วนพิพัฒน์ทรุดลงไปกับพื้น ร้องให้ราวกับโลกทั้งใบสลายไปกับตา ความหวังและความฝันที่ฝากเอาไว้กับชายที่สนิทใจที่สุด ได้ถูกคนเดียวกันนั้นบดขยี้ยับเยินสิ้น ชีวิตของเขาเคว้งคว้างราวกับดาวทั้งใบได้เหวี่ยงเขาออกไปในอวกาศที่มืดมิด และหนาวเย็น
Comments (0)
See all