ตอนที่6
หลังจากไคย์ที่เค้าได้พูดคุยกับเคนจิแล้วนั้นเค้าเริ่มที่จะแนะนำเรื่องราวของมิติที่ผิดพลาดบ้างอย่างของโลกของจิตสองเขต
เหมือนว่าที่นี้ละเรียกโลกๆนี้ว่าเมืองของป่าสีแดงทมิฬนั้นเอง
"ป่าสีแดงงั้นหรอ"
ผมได้ยินดังนั้นจึงกว่ายิ้มๆไปว่ามันเป็นเพียงต้นไม้ที่หายากไม่ใช่หรือไงอีกอย่างต้นไม้พวกนี้ถ้าพูดตามตรงคงไม่ต่างจากฤดูใบไม้ล้วงชัดเลยดูจากสีใบที่แดงกำแล้ว
แต่เหมือนกับไคย์นักรบผู้กล้าหรือผู้ออกล่าหาอาหารได้ตีหน้านิ่งใส่ก่อนจะไม่ตอบบอกอะไรผมอีก
เส้นทางที่ลังเลาะจากน้ำตกที่ไหลลงมาจากเนินเขาที่หากไกลเป็นหลายสิบกิโลเมตรนั้นเป็นเขตแห่งความตายและถ้าข้ามเขาลูกนี้ไปอีกเช่นกันก็จะเจอกับเมืองของไคย์
"นายเชื่อเรื่องปีศาจหรือภูผีหรือเปล่า"
ชิบหายแล้วละสิ
"อ๋อ..ไม่เชื่อหรอกครับ"เชื่อเด้
"ผมละไม่อยากเล่าเลยเอาเถอะผมจะบอกอะไรให้หมู่บ้านเราคือเมืองตั้งฐานทัพของเหล่าผู้กล้า
อีกอย่างจะพูดชื่อง่ายๆเลยอาจจะไม่ต่างจากเมืองรกล้างเท่าใดนั้น"
"เมืองรกล้าก"
"ใช่ยังไงก็ระวังตัวไว้นะดูเหมือนนายจะไม่ได้พบอาวุธเลยสักชิ้นแล้วแถมยังต้องดิ้นลนลงจากเขาอสุรามาได้นะเนี้ยแทบจะว่าปาฏิหาริย์ชัดๆ"
"เอิ่มบังเอิญผมตามหาสัตว์หายากไว้แกล้งเพื่อนนะครับ"
"แกล้งเพื่อนงันหรอ?"
"ใช่ครับๆ"
"นายนี้แปลกคนจริ๊งๆฮ่าๆๆ"
"ฮ่าๆๆ.."
"ที่นี้มีแต่อันตรายนะระวังๆไว้หน่อยนะไมงันก็เดียวก็เดี้ยงไปไม่มีใครฝังนะจะบอกให้ถึงแล้วละ"
"......"ดูเหมือนเราจะโดนจิกหรือเปล่านะ
หลังจากไคย์ได้พามาถึงเขตกำแพงเมืองใหญ่เค้าได้แสดงทางผ่านของทหารเพื่อผ่านเข้าเขตภายในตัวเมืองซึ่งรวมไปถึงผมด้วย..
"แต่งตัวพิลึกกึกกือ.."
"ฮะๆ.."
เขตหมู่บ้านที่เหมือนกว้างใหญ่นี้มีคนแต่งตัวแปลกไปอยู่ปะปลายที่เหลือเหมือนเป็นสัตว์ครึ่งองมนุษย์ทั้งนั้นเพียงแต่ว่าพวกเค้าเหล่านั้นมีอาวุธติดตัวอยู่ทุกคน
"นายได้ที่พักแถวๆเขตคนกำเนิดทางดินนะหากมีอะไรนายมาหาฉันที่ร้านอาหารหรือร้านอาวุธได้"
"แต้วกิ้ว..เอ่ยขอบคุณ"
เส้นทาง..ทุ่งข้าวสาลีทองคำ
เคนจิที่ได้เริ่มเข้ามาในเขตหมู่บ้านแห่งนี้เค้าได้เตรียมตัวที่จะหาเส้นทางทำงานเล็กน้อยๆของเค้าพร้อมไปกับคู่หูคู่ใจอย่างิว บ้านหลังเล็กพอดิบๆไม่แออัดจัดเป็นที่ปลอดภัยและแหล่งผู้คนปกติมากมาย
"นายคงไม่เชื่อแน่ๆฉันเคยเป็นมนุษย์ที่ผลงานดีมากก่อนแถมยังเป็นที่อิจฉาของใครหลายคน"
"งิ๊ว~??"
"มันมีหลายอย่างที่ฉันพูดอยากจริงๆ"
"ฟู่ๆๆ.."
"อ่าหะ..ใช่ๆเราควรจะต้องรีบๆจัดของภายในบ้านให้เสร็จอีกอย่างเราต้องออกไปสำรวจเขตเมืองของที่นี้อีกด้วย"
"ถึงแม้จะตายแล้วมาสิ่งในร่างของเด็กที่โชคร้ายก็เถอะผมคงไม่ซวยขนาดนั้นหรอก..บรึ้ยย"
"งับๆๆ..กร๊อบๆๆ"
ผมหันมาเห็นเจ้างิวที่กำลังกินอาหารที่ตุนไว้จนกำลังจะหมดในไม่ช้าแต่ช่างมันเถอะถือว่าผมยังดวงดีอยู่ในเขตที่มีพืชพันธุ์มากมายหากเป็นพวกผู้คนเยอะผมว่าผมคงไม่รอด..
"นี้งิวหยุดกินได้แล้ว!!"
"กร๊อบๆๆๆๆ…"
"มะ..หมดด..โว้ยย"
"ด้วยช่วงนี้ยิ่งหนีเป็นหนีตายจากเจ้าพวกตัวอันตรายซาดิสม์สะด้วย กว่าจะตั้งสติได้เล่นแทบบ้าเฮ่อ"
ผมเดินไปเก็บกวาดทุกอย่างเรียบร้อยก่อนจะนั่งมองออกไปนอกหน้าต่างบ้างอย่างที่คิดในใจและหัวใบนี้เหมือนกับดีใจที่ได้ออกมาไกลและรอดมาได้จากสภาวะที่กดดันจากอะไรบ้างอย่าง
"เอาละ..ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะไม่ยอมตายตรงนี้เคนจิตั้งสติๆ..ท่องไว้ๆขนาดงานออฟฟิศ3วันสองคืนจนได้พนักงานติดบอททองคำขาวมาแล้วแค่นี้เองยังผ่านมาแล้ว"
"งิวๆ..แกร๊บๆๆอ๊อกก!!"
"เฮ่อ..ดูถ้าจะไม่ได้ฟังที่ผมพูดเลย.."
ลุกไปอาบน้ำดีกว่าผมตัดสินใจเดินไปอย่างสงบเค้าคิดว่ามีบ้างอย่างสงบที่เค้าต้องทำเค้ารักการปั้งสิ่งของเป็นงานอดิเรกและใช่ชีวิตปกติไม่ต้องกลายเป็นอสุราหรือพวกสติแตกอีกแล้ว
สายตามองไปรอบๆพร้อมกับกระโดดขึ้นที่พักนุ่มๆอย่างสุขสบายเค้ามีหนังสือเล่มแก่ที่คนของเจ้าของบ้างหลังเก่าทิ้งไว้เป็นอารยธรรรมสะด้วย
"เมืองแห่งดิน..แปลงว่าเมื่อคงแห่งทรณีและทรณีคือ..ทางหรือรางหรือรองหรือค่าสตักของดีอะไรบ้างอย่างแน่ๆ..ว่าไปนั้นฮะๆ..พูดเชี้ยอะไรเนี่ยยไหนๆ"
"งิ๊วๆๆ.."
"นี้แกกำลังบอกฉันบ้าหรือเปล่าเนี้ยงิว"
เอาเถอะหลังจากผมได้อาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยเหมือนมีบ้างอย่างที่ผมกำลังเปิดอ่านอยู่นี้คือของที่เรียกว่า หนังสือเพียงเล่มเดียวในเขตพื้นที่นี้
เมือง ดิน สุดแสนวิลัย..
"เก่าจริงๆหวังว่าเปิดไปคงไม่ขาดไปสะก่อน"
ก่อนที่ผมจะนอนอย่างน้อยๆคงต้องอ่านเรื่องราวพื้นๆไปก่อนพรุ่งนี้..ผมเริ่มเปิดหน้าที่หนึ่ง
ค่าของดิน..ที่นี้คือเมืองดินที่มีค่าสาอาหารจำพวกพืชผลมากที่สุดรวมไปถึงดินแพงที่สุดอีกด้วย และตอนนี้ดินเหนียวนั้นเป็นของแลกเปลี่่ยนจากเมืองอื่นๆจึงเป็นราคาที่แพงมากมาหารสารพอๆกับข้าวสาลี
"เหอะ..ดินเหนียวงันหรอแพงพอกับข้าวอยากขำจริงๆแล้วยังไงต่อ"
ความสามารถของดินเหนียวมีแยกตามคุณภาพดินหลายชนิตเช่นกันดินที่ขึ้นรูปแบบยากและง่ายหากท่านใดต้องการวัตถุนี้พวกมันมีชื่อดังนี้ ดินแดงและดินดำส่วนดินขาวท่านอาจจะต้องใช้สตางร์สักเล็กๆน้อย..
"อืม..เห็นที่เขียนมาดูหมูว่าที่คิดนะ"
และเพิ่มเติม..หากท่านยังไม่ทราบบ้างคนบ้างกลุ่มนิยมกินเจ้าดินบ้างจำพวกด้วยเช่นกัน
"....."จะฝันร้ายไหมเนี้ย..
กินดินเนี้ยนะ ไม่เอาอะ กินข้าวเปล่าๆตายยังดีเสียกว่า พอผมอ่านจบปิดหนังสือแล้วทำความเข้าใจเล็กๆอย่างๆน้อยๆยังมีดินที่พอรู้จักหรือพอรู้อยู่ทั่วไปอยู่บ้างคงไม่หน้าแตกหรอกฮะๆหวังว่านะ
เช้าวันรุ่งขึ้นเหมือนว่า
ทุกๆอย่าจะเริ่มเข้าที่เข้าทางและเพื่อนคู่หูตัวน้อยของผมเจ้าตัวอันตรายนี้จัดการอาหารเช้าไปเรียบร้อยในเมื่อวานจนต้องออกมาหาอาหารด้านนอก..
"เอาจริงๆเลยนะ..ตั้งแต่มาอยู่ในโลกมิติแปลกนี้ผมไม่เคยกินข้าวเลยสักมื้อให้ตายสิ.."
"งิ้ววว??"
"ไม่ต้องมาทำหน้าสงสัยเลย แล้วที่นี้เทคโนโลยีก็ไม่มีแต่ยังดีที่มีหนังสือ.."
"จะบ้ากระลามัง..นี้ผมต้องกินดินจริงๆใช้ไหมเนี้ย"
"งี๊ววววๆๆๆ.."
"เฮ่อ.."
สายตากวาดออกไปนอกบ้านเหมือนเห็นบ้างอย่างที่คุ้นเคยนั้นมันต้นไม้เลื้อนหรือไม้เถาพวกนั้นจัดเป็นไม้อ่อนและไม้ที่มีสารอาหารปนเปื้อนน้อยที่สุดอยู่ด้วย
และต้นไม้ตามแหล่งน้ำใกล้อีกด้วยหากแต่ก็มีต้นไม้ที่มีพิษเกิดเพื่อปกป้องพวกมันอยู่เป็นจุดเล็กยังดีที่ผมไม่ได้เร่งรีบคงเก็บได้หลายต้นเลยทีเดียว..
"สงสัยคงคิดเมนูคอลโลฟิวได้แล้วละเอามายำเละ..ถุ้ยย..เอามากินสิฟะ"
"งิ้วๆๆ.."
"เงียมไปเลยงิวเจ้ารีบลงไปเก็บผักหน้าตาเนียนๆก้านม่วงๆมานะหน้าเก็บเจ้าผักมีหนามแหลมๆมาละ"
"งิ้ว!*
"หวังว่าผมคงไม่ตายเพราะแกนะ.."
ด้านผมก็ต้องหากิ้งไม้ด้ามยาวมาเกี่ยวเอาผักที่ได้ชื่อว่าอร่อยระดับหนึ่งมาด้วยเช่นกันไม่คิดเลยว่าเจ้านี่จะมาเกิดในที่ๆแบบนี้ด้วย
หลังจากการเก็บผักอย่ากทุกลักทุเลในยามเช้าสำเร็จเรียบร้อยดูเหมือนทุกอย่างเรียบร้อยแล้วตอนนี้เรามี
"งิวววว.."
"เอาละๆผัก2อย่างกับมาลองทำโจ๊กในแบบกวางตุ้งคงไม่ยากเกินกว่าสามารถผมแน่นอน"
"แกกินแต่เนื้อหมดเลยหรอ..ทิ้งหนังหมูทำไมละเนี่ยเฮ่อ..พวกเนี้ยกองทิ้งแถมยังกินแบบกินทิ้งๆขว้างสะจริงงิว..เอ๊ะ"
หนังหมูตากแห้ง..
หมูอบ..
เท่ากับ..คอลลาเจน..รสหวาน??"
"งิวนายกินเนื้อหมูไปหมดหรือเปล่า?"
"-/////-..."
"นี้!!"
หวับบ..พรึ่บพรั่บ..เหล่าซากหนังหมูที่ถูกซ่อนไว้ในผ้าถูกเปิดออกมาหลายอันและกำลังจะมีมดมากินสะด้วยเล่นทำให้เคนจิแทบอยากร้องไห้
"โอ๊ยให้ตายเถอะ ทำไมไม่กินให้มันหมดไปเลาะเลือกกินทำไมฟระเนี้ย"
ยังดีที่มีส่วนที่ตากแห้งและมีส่วนที่ต้องแช่ล้างและหันเป็นชิ้นบางๆแทนเนื้อหมูอีกอย่างหากตั้งไฟร้อนไปสักหน่อยใส่โจ๊กละก็..
"....."
เมนูนี้อาจจะหลายเป็นขนมหวานแง่ๆเราต้องระวังอย่าลืมว่าการทำข้าวเช้าเกือบเที่ยงนี้มันสำคัณกว่าชีวิตอีกนะเฟ้ยย…
เตาถ่านแบบย่างและเหมือนว่าเรากำลังเจอปัณหาแล้วละเรามีถ่านและเราก็มีหม้อแต่เราก็จุดไฟได้เพียงแต่เราจะทีความอดทดไม่หิวจนตาลายฆ่าเจ้างิวกินทิ้งเป็นอาหารลองท้องก่อนละก็
"งิ๊ววววว!!"จะกินข้าวหรือ!!
"หว่า..ทำแล้วๆๆ.."
ใช้เวลาไม่นานจากการจุดเตาและต้มข้าวก่อนจะชิมไปเรื่อยๆหลายต่อหลายรอบจนได้รสชาติที่โดนใจและใส่ทอปเนื้อเป็นอันเสร็จสิ้น
"เอาเถอะทำยากกว่ามาม่าคัพสำเร็จไปตั้งชั่วโมงครึ่งกับอีกสามสิบนาทีคงไม่ต่างกันเท่าไรหรอกมัง"
"อ๊ามม..แง๊บบ.."
"งิ้วว??"เป็นไง?"
"ถุ้ยยย!!ร้อนพ่อแก้วแม่แก้ว.."
=^="....."
"เอาละๆเอาใหม่..ฟู่ๆๆ..งับ"
"งิ้วว?"
"ฮึก..นี้มันอาหารที่ผมกินตอนเช้าชัดๆแต่อร่อยกว่าไม่สิแต่เยอะกว่า..แง้ๆกินได้ไงวะเนี้ย"
เอาละหลังจากการเซียงชีวิตการกินอาหารสุดแสนอันตรายแบบสไตล์ตัวเองเป็นที่เรียบร้อยผมก็ได้นึกได้อีกว่าต้องออกไปสำรวจ
บริเวณรอบเพื่อจดจำเส้นทางในการเดินทางกว่าจะจำได้คงจะหลายวันเลยที่เดียวอยากมีคอมพิวเตอร์หรือเทคโนโลยีที่ช่วยจดจำทางได้จัง
"อย่างน้อยคงใช้แค่วินาทีแท้ๆ.."
"เอาเถอะบ้างที่เราอาจจะต้องเจออะไรใหม่และนะ"
"งิ้ววง"ค๊อกๆๆๆ…
"ไปกันเถอะงิววเราจะออกไปสำรวจโลกกว้างใหญ่ด้วยกันนนนนนนนน…………..
นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
นนนน
นนนน
โปรดติดตามตอนต่อไปนะ
กันนน..กันนนนนนน
"ไปเองแง้"..
Comments (0)
See all