farm-articles
Joined Jun 2025
น้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลโดยตรงต่อการเจริญเติบโตของผักสลัดไฮโดรโปนิกส์ เพราะระบบไฮโดรโปนิกส์ใช้สารละลายธาตุอาหารที่ผสมอยู่ในน้ำแทนดินในการให้สารอาหารแก่พืช คุณภาพน้ำจึงมีบทบาทอย่างยิ่งในการส่งเสริมหรือจำกัดการเจริญเติบโตของผักสลัด น้ำที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจะช่วยให้รากผักสลัดดูดซึมสารอาหารได้เต็มประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผักมีความสดกรอบ สีสันสดใส และโตเร็ว ค่า pH ของน้ำที่เหมาะสมสำหรับการปลูกผักสลัดในระบบไฮโดรโปนิกส์อยู่ในช่วงประมาณ 5.5 ถึง 6.5 ซึ่งเป็นช่วงที่พืชสามารถดูดซึมธาตุอาหารได้ดีที่สุด หากค่า pH ต่ำหรือสูงเกินไปจะทำให้ธาตุอาหารบางชนิดไม่ละลายหรือถูกดูดซึมได้น้อย ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและสุขภาพของผัก นอกจากนี้ ค่า EC (Electrical Conductivity) หรือตัววัดความเข้มข้นของสารละลายธาตุอาหารในน้ำก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ค่า EC ที่เหมาะสมสำหรับผักสลัดไฮโดรโปนิกส์จะอยู่ที่ประมาณ 1.0 – 2.0 mS/cm ช่วงนี้ช่วยให้ผักได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอโดยไม่เกิดปัญหาเกลือสะสมในรากพืชที่อาจเป็นอันตรายได้ ปัญหาของน้ำที่ใช้ปลูกผักสลัดในระบบไฮโดรโปนิกส์ไม่ได้มีเพียงเรื่องค่า pH หรือค่า EC เท่านั้น แต่ยังรวมถึงคุณภาพน้ำในแง่ของการปนเปื้อนสารเคมี เช่น โลหะหนักและคลอรีนที่พบในน้ำประปาหรือน้ำบาดาล โลหะหนัก เช่น ตะกั่ว ปรอท และแคดเมียม เมื่อปนเปื้อนในน้ำจะสะสมในเนื้อเยื่อของผักสลัด ทำให้เกิดความเป็นพิษต่อพืช ส่งผลให้ผักไม่เจริญเติบโตดี หรืออาจมีลักษณะใบเหลืองและเน่าเสีย นอกจากนี้ โลหะหนักยังมีผลกระทบต่อผู้บริโภคหากบริโภคผักที่มีโลหะหนักสะสมในปริมาณมาก ซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ส่วนคลอรีนที่มักใช้ในน้ำประปาเพื่อฆ่าเชื้อโรค แม้ว่าจะช่วยให้ปลอดภัยจากเชื้อโรค แต่คลอรีนมีฤทธิ์กัดกร่อนและเป็นพิษต่อรากผัก สารคลอรีนอาจทำลายจุลินทรีย์ที่ดีในระบบรากและลดประสิทธิภาพในการดูดซึมสารอาหาร จึงทำให้ผักสลัดมีการเจริญเติบโตช้าลงและมีคุณภาพลดลง ดังนั้น การตรวจสอบและปรับปรุงคุณภาพน้ำก่อนนำมาใช้ในระบบไฮโดรโปนิกส์จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ผักสลัดได้รับสารอาหารอย่างเหมาะสมและมีสุขภาพดี
No messages or posts yet